ปัจจุบัน ระบบสระว่ายน้ำ ที่เราเห็นๆกันในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลากหลายประเภท เพราะว่าเทคโนโลยีการผลิตต่างๆพัฒนาขึ้น ทำให้สามารถผลิตสระว่ายน้ำออกมาได้หลายรูปแบบ และหลากหลายระบบ แต่ละรูปแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้เรารวมทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสระว่ายน้ำมาขมวดไว้ให้ภายในโพสนี้แล้ว
1.1 สระว่ายน้ำคอนกรีต
สระว่ายน้ำคอนกรีต คือสระว่ายน้ำที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก วัสดุของสระว่ายน้ำชนิดนี้คือ เหล็กเส้นข้ออ้อย , อิฐบล็อก , คอนกรีตผสม , ปูนฉาบกระเบื้อง , กระเบื้อง , กันซึมต่างๆ การสร้างสระว่ายน้ำชนิดนี้จำเป็นจะต้องมีการลงเสาเข็มเพราะโครงสร้างมีน้ำหนักมากหากไม่ทำฐานรากให้แข็งแรงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการทรุดตัว และ ข้อสำคัญคือเกิดการทรุดตัวไม่เท่ากัน ทำให้สระว่ายน้ำรั่วได้
ที่มารูปภาพ : peterfell.co.nz
ที่มารูปภาพ : depositphotos.com
ที่มารูปภาพ : homeandpools.com
ดังนั้น การจะสร้างสระว่ายน้ำชนิดนี้จำเป็นต้องการวิศวกรออกแบบฐานราก , ชนิดเสาเข็มที่ใช้ , จำนวนเสาเข็ม และ ตำแหน่งของเสาเข็ม นอกจากนี้ต้องออกแบบผนังสระด้วย เพราะน้ำหนักของน้ำจะดันออกไปที่ผนังหากไม่ได้คำนวณแรงดันของน้ำอาจทำให้ผนังเกิดการแตกร้าวทำให้สระรั่วได้อีกเช่นกัน
ข้อดี : แข็งแรงทนทานที่สุด ในบรรดาสระว่ายน้ำทุกประเภท อายุการใช้งานยาวนานกว่า 30 ปี
ข้อเสีย : ใช้งบประมาณสูง หากมีปัญหาต้องซ่อมเยอะ ไม่สามารถย้ายได้ต้องทุบทิ้งอย่างเดียว
1.2 สระว่ายน้ำสำเร็จรูป
สระว่ายน้ำสำเร็จรูป คือ สระว่ายน้ำยุคใหม่ที่ปัจจุบันมีความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นสระว่ายน้ำที่ทำสำเร็จมาจากโรงงานเลย หรือ เป็นสระที่สามารถนำมาประกอบหน้างาน ใช้เวลาในการติดตั้งไวเสร็จภายใน 1 วัน หรือ เพียงไม่กี่ชั่วโมง มีด้วยกัน 2 ประเภทดังนี้
1.2.1 สระว่ายน้ำไฟเบอร์กลาส
ที่มารูปภาพ : yourbackyardhaven.com
สระว่ายน้ำชนิดนี้เป็นสระว่ายน้ำที่มีวัสดุเป็นไฟเบอร์กลาสทั้งชิ้น ในการผลิตจะต้องขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวทั้งสระ สามารถที่จะเลือกสีสันของสระได้ ที่สระจะมีหัวเจ็ทสปาต่างๆติดตั้งไว้ตั้งแต่โรงงานเลย เราสามารถเลือกจุดติดตั้งหัวเจ็ทสปาได้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดให้เลือกไม่ค่อยเยอะ เพราะจะมีข้อจำกัดเรื่องการขนส่งที่จะต้องใช้รถเครนเพื่อยกเข้าหน้างาน ทำให้หน้างานพื้นที่แคบ และ ไม่สามารถใช้เครนยกสระข้ามได้ อาจจะไม่เหมาะกับสระว่ายน้ำชนิดนี้เท่าไหร่นัก งบประมาณเริ่มต้น 200,000 เฉพาะสระ (ไม่รวมระบบกรอง)
ข้อดี : งบประมาณถูกกว่าสระคอนกรีต มีความแข็งแรงรองลงมาจากสระคอนกรีต อายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปีขึ้นไป
ข้อเสีย : มีรูปแบบและขนาดให้เลือกไม่เยอะ , มีข้อจำกัดเรื่องขนส่ง
1.2.2 สระว่ายน้ำผ้าใบไลเนอร์
สระว่ายน้ำชนิดนี้เป็นสระว่ายน้ำที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ วัสดุของสระแบบนี้คือ โครงเหล็กกัลวาไนส์ และ ผ้าใบไลเนอร์ (เป็นผ้าใบ PVC ชนิดหนึ่ง ที่มีความหนาสำหรับสระว่ายน้ำ) โดยพิมพ์ลายกระเบื้องไว้ด้านในสระ เป็นที่นิยมมากสำหรับรีสอร์ทยุคใหม่และพูลวิลล่า เพราะคืนทุนไว และมีคุณภาพมาตรฐานสากล ยี่ห้อที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน เช่น สระน้ำ INTEX ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ทาง Prism Pools เราจำหน่ายอยู่ อายุการใช้งาน 7-10 ปี หลังจากนั้นควรเปลี่ยนผ้าใบเพื่อความใหม่ของสระ เคลื่อนย้ายง่ายมากเมื่อไม่ใช้สระก็สามารถยุบสระได้ มีสระให้เลือกหลายขนาด ออกแบบและตกแต่งพื้นที่รอบสระได้ งบเริ่มต้นเพียงหลักหมื่น
ข้อดี : งบประมาณถูก , อายุการใช้งาน 7-10 ปี , มีอะไหล่เปลี่ยนได้ทุกชิ้น , ออกแบบตกแต่งง่าย , เคลื่อนย้ายได้
ข้อเสีย : ไม่แข็งแรงเท่าสระคอนกรีตและไฟเบอร์กลาส , ผู้จำหน่ายมีน้อย , ต้องเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ
ระบบไหลเวียนน้ำของสระว่ายน้ำปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ระบบคือ Overflow (ระบบนน้ำล้น) และ Skimmer (ระบบดูด) ซึ่งทั้งสองระบบจะมีข้อแตกต่างกันในด้าน การออกแบบ , การใช้งาน , ความเหมาะสมในการใช้งาน ที่แตกต่างกันออกไป
2.1 สระว่ายน้ำระบบ Overflow
ที่มารูปภาพ : winwinpoolshop.com
ระบบ Overflow คือ ระบบน้ำล้น ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันตามสระว่ายน้ำประจำโรงเรียน สวนน้ำต่างๆ หรือ ตามรีสอร์ทใหญ่ๆจะใช้งานเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำล้น ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อสระมีขนาดใหญ่ คนเล่นพร้อมกันจำนวนมากๆ การใช้งานระบบน้ำล้นจะเหมาะมากเพราะน้ำที่ล้นออกจากสระมีปริมาณมาก ก็จะถูกพักไว้ที่เซิทแทงค์ เพื่อรอการนำไปบำบัดหมุนเวียนกลับมาใช้งานต่อครับ
2.2 สระว่ายน้ำระบบ Skimmer
ที่มารูปภาพ : winwinpoolshop.com
ระบบ Skimmer คือ ระบบดูดน้ำ ส่วนใหญ่จะเห็นการตามพูลวิลล่า รีสอร์ทขนาดกลาง-ขนาดเล็ก หรือบ้านที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ด้วยเหตุผลที่ว่าสระมีขนาดไม่ใหญ่มากคนเล่นพร้อมกันไม่เยอะ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ระบบน้ำล้นไม่มีเซิทแทงค์ ระบบจะดูดเพื่อนำไปเข้าระบบบำบัดน้ำโดยตรงเลย ระบบนี้นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะใช้พื้นที่ไม่เยอะ ระบบไม่ยุ่งยาก ดูแลง่าย
3.1 ระบบสระว่ายน้ำคลอรีน
ที่มารูปภาพ : walmart.com
สระว่ายน้ำระบบคลอรีน คือ สระว่ายน้ำที่เราพบเห็นได้ทั่วไป เป็นสระว่ายน้ำแบบสมัยก่อนที่มีการเติมสารเคมีประเภทคลอรีนผง หรือ คลอรีนเม็ด เข้าไปโดยตรงในระบบสระว่ายน้ำ คลอรีนที่เติมเป็นสารเคมีที่ใช้กรรมวิธีทางเคมีผลิตขึ้นมา ทำให้อาจระเคืองต่อผิวหนังได้ง่าย เส้นผมแห้ง ตาแห้ง มีฤทธิ์กัดกร่อนในระยะยาวอาจไม่ค่อยดีต่อผิวหนัง หาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพง ระบบไม่มีความซับซ้อนเพียงแค่เติมคลอรีนลงในสระก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
ข้อดี : หาซื้อได้ง่ายราคาถูก , ฆ่าเชื้อโรคได้ทันที , ระบบไม่มีความซับซ้อน
ข้อเสีย : ไม่ดีต่อผิวหนังในระยะยาว , ทำให้ผมแห้งเสีย , อาจทำให้ระคายเคืองต่อดวงตา ต่อผู้ที่แพ้คลอรีน
3.2 ระบบสระว่ายน้ำเกลือ
ที่มารูปภาพ : leisurepools.co.nz
สระว่ายน้ำระบบเกลือ คือ สระว่ายน้ำที่ในปัจจุบันเริ่มเข้ามาแทนที่ระบบคลอรีน เพราะความปลอดภัยที่มากกว่า อ่อนโยนต่อผิวมากกว่าเพราะเป็นเกลือ หลักการทำงานคือเป็นการเติมเกลือ (ที่ใช้กับสระว่ายน้ำ) ลงในสระ เมื่อเกลือละลายระบบจะดูดน้ำผ่านเครื่องแปลงเกลือเป็นคลอรีน คลอรีนที่เกิดขึ้นจะเป็นคลอรีนธรรมชาติ ที่ไม่ระคายเคืองผิวหนังและดวงตา ทำให้ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มนิยมใช้ระบบเกลือกันแพร่หลายมากขึ้น แต่การดูแลก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เพราะจะต้องคอยดูค่าความเค็มในสระว่ายน้ำ หากน้อยเกินไปเครื่องแปลงเกลือก็จะผลิตคลอรีนออกมาได้น้อยนั่นเอง
ข้อดี : เกลือสระว่ายน้ำราคาถูก , ปลอดภัยต่อผิวหนัง เส้นผม และดวงตา , ในระยะยาวไม่มีปัญหา
ข้อเสีย : ต้องคอยหมั่นตรวจเช็คค่าความเค็ม , ระบบมีความซับซ้อนกว่า , ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบคลอรีน
3.3 ระบบสระว่ายน้ำ – น้ำแร่
ที่มารูปภาพ : clearwaterpoolsystems.com
สระว่ายน้ำระบบน้ำแร่ คือ สระว่ายน้ำที่มีการบำบัดน้ำด้วยแร่ธาตุผสมผสานกับคลอรีน แต่ระบบนี้จะใช้คลอรีนน้อยลงและใช้แร่ธาตุมากขึ้น แร่ธาตุที่สำคัญคือทองแดงและเงิน ซึ่งจะช่วยควบคุมตะไคร่และกำจัดแบคทีเรียและฆ่าเชื้อโรค โดยทั่วไปแล้วระบบน้ำแร่จะเป็นระบบทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาระบบคลอรีน เพราะใช้คลอรีนน้อยกว่า แต่ได้ความสะอาดเท่าเดิม
ข้อดี : ปลอดภัยต่อผิวหนัง เส้นผม และดวงตา , ในระยะยาวมีปัญหาน้อยกว่า
ข้อเสีย : ระบบมีความซับซ้อน , ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบคลอรีน และ ระบบเกลือ
3.4 ระบบสระว่ายน้ำโอโซน
ที่มารูปภาพ : absoluteozone.com
สระว่ายน้ำระบบโอโซน คือ สระว่ายน้ำที่มีการบำบัดด้วยออกซิเจนที่มีปฎิกิริยาสูง (O3) เป็นสารออกซิไดซ์ที่ทรงพลัง เมื่อนำไปใช้ในระบบสระน้ำ โอโซนจะทำหน้าที่เป็นสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพโดยการทำลายและทำลายสารปนเปื้อนต่างๆ รวมถึงแบคทีเรีย ไวรัส สาหร่าย และอินทรียวัตถุอื่นๆ ในน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานควบคู่กับระบบเกลือจะมีประสิทธิภาพที่สุด
ข้อดี : ปลอดภัยต่อผิวหนัง เส้นผม และดวงตา , ในระยะยาวมีปัญหาน้อยกว่า , ระบบที่สะอาดที่สุด
ข้อเสีย : ระบบมีความซับซ้อน , ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบคลอรีน และ ระบบเกลือ
4.1 การดูแลสระว่ายน้ำคอนกรีต
สระว่ายน้ำคอนกรีต จะต้องหมั่นดูแลกระเบื้องภายในสระไม่ให้หลุดลอก และ ไม่ให้คราบตะไคร่ขึ้นที่กระเบื้อง ควรจะต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดกระเบื้องอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และจะต้องหมั่นดูแลวาล์สะดือสระ หรือ วาล์น้ำเข้าออกจุดต่างๆอยู่สม่ำเสมอ หากเกิดปัญหาแล้วจะต้องรีบดำเนินการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น วาล์วสะดือสระชำรุด หากไม่รีบเปลี่ยน ผู้ใช้งานอาจจะเกิดอันตรายได้
4.2 การดูแลสระว่ายน้ำไฟเบอร์
สระว่ายน้ำไฟเบอร์กลาส จะต้องหมั่นดูแลระบบกรองอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่ระบบกรองของสระชนิดนี้จะเป็นระบบที่เชื่อมต่อกับตู้คอนโทรล ดังนั้นสายไฟรวมถึงปลั๊กต่างๆจะต้องอยู่ในสภาพดี และ ทรายกรองในถังกรองก็สมควรที่จะถูก Backwash อย่างส่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการกรองน้ำ เซลผลิตคลอรีน (กรณีเป็นสระบบเกลือ) จะต้องมีการทำความสะอาดบ้างจะได้ผลิตคลอรีนออกมาได้อย่างเต็มที่ ในหน้าฝนก็ควรใช้สารเคมีเพิ่มเติมประเภท กำจัดตะไคร่ และ เร่งการผลิตคลอรีนให้มากกว่าช่วงปกติ ทำให้สระน้ำไม่เขียวช่วงหน้าฝน
4.3 การดูแลสระว่ายน้ำ Intex
สระว่ายน้ำ INTEX จะต้องหมั่นดูแลระบบกรองอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นระบบกรองที่มีขนาดเล็ก ดังนั้นควรจะต้องทำการ Backwash อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง รวมถึงหมั่นคอยวัดค่าความเค็มในสระ เพื่อให้ระบบทำการผลิตคลอรีนออกมาได้สม่ำเสมอ วัดค่าคุณภาพของน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้น้ำอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งานตลอดเวลา กรณีที่อยู่ในหน้าฝน อาจจะต้องเพิ่มสารเคมีชนิดกำจัดตะไคร่ และป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำเพิ่มเข้าไปด้วย อาจมีการเพิ่มระยะเวลาการทำงานของเครื่องผลิตคลอรีนให้มากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของผ้าใบไลเนอร์หากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานเช่น 7-10 ปี อาจจะพิจารณาเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้สระยังคงความใหม่อยู่ตลอดเวลา
ช่างแชมป์ PRISM POOLS
หัวหน้าทีมเทคนิค และ ทีมติดตั้งเชี่ยวชาญด้านการออกหน้างาน
ประสานงานกับทีมออกแบบของ PRISM POOLS